วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หน้าหลัก

     การจัดทำบล็อกเกอร์ขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา เทคโนโลยีเว็บบล็อก นำเสนอบล็อกเกอร์เรื่อง กีฬาเทเบิลเทนนิส เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง กีฬาเทเบิลเทนนิส
     กระผมหวังว่า บล็อกเกอร์เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน หรือ นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำ หรือ ข้อผิดพลาดประการใด กระผมขออภัยมา ณ ที่นี้


                                                           ผู้จัดทำ
                                                 ด.ช.ธนาวุฒิ ยังจันทร์  
                                         วันที่ 3 มกราคม พุทธศักราช 2559 

กีฬาเทเบิลเทนนิส

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กีฬาปิงปอง อุปกรณ์ช่วงแรก


กีฬาเทเบิลเทนนิส

     กีฬาเทเบิลเทนนิส เป็นกีฬาสันทนาการอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเล่นเพื่อสร้างความสนุกสนานในหมู่คณะ ขณะเดียวกันก็เป็นกีฬาที่มีความท้าทายที่ผู้เล่นต้องอาศัยไหวพริบ และความคล่องแคล่วของร่างกายในการรับ-ส่งลูก ซึ่งความท้าทายนี้จึงทำให้กีฬาเทเบิลเทนนิสได้รับความนิยมในระดับสากล กระทั่งถูกบรรจุในการแข่งขันระดับโลก 

ประวัติกีฬาเทเบิลเทนนิส

ประวัติกีฬาเทเบิลเทนนิส
     กีฬาเทเบิลเทนนิสได้เริ่มขึ้นครั้งแรก ในปี ค.ศ.1890 (พ.ศ.2433) ที่ประเทศอังกฤษ โดยในอดีตอุปกรณ์ที่ใช่เล่นเทเบิลเทนนิสเป็นไม้หุ้มหนังสัตว์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไม้เทเบิลเทนนิสในปัจจุบัน ส่วนลูกที่ใช่ตีเป็นลูกเซลลูลอยด์ ซึ่งทำจากพลาสติกกึ่งสังเคราะห์ โดยเวลาที่ลูกบอลกระทบกับพื้นโต๊ะ และไม้ตีจะเกิดเสียง "ปิก-ป๊อก" ดังนั้น กีฬานี้จึงถูกเรียกชื่อตามเสียงที่ได้ยินว่า "ปิงปอง" (PINGPONG) และได้เริ่มแพร่หลายในกลุ่มประเทศยุโรปก่อน
     ซึ่งวิธีการเล่นในสมัยยุโรปตอนต้น จะเป็นการเล่นแบบยัน (BLOCKING) และแบบดันกด (PUSHING) ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นเล่นแบบ BLOCKING และ CROP หรือเรียกว่า การเล่นถูกตัด ซึงวิธีการเล่นนี้เป็นที่นิยมมากแถบยุโรป ส่วนวิธีการจับไม้ จะมี 2 ลักษณะ คือ จับไม้แบบจับมือ (SHAKEHAND) ซึ่งเราเรียกกันว่า"จับไม้แบบยุโรป" และการจับไม้แบบจับปากกา (PENHOLDER) ซึ่งเราเรียกกันว่า "จับไม้แบบจีน" 
     ในปี ค.ศ.1900 (พ.ศ.2443) เริ่มปรากฎว่า มีการหันมาใช้ไม้เทเบิลเทนนิสติดยางเม็ดแทนหนังสัตว์ดังนั้นวิธีการเล่นแบบรุก หรือแบบบุกโจมตี (ATTRACK หรือ OFFENSIVE) โดยใช้ท่า หน้ามือ (FOREHAND) และ หลังมือ (BACKHAND) เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และยังคงนิยมการจับไม้แบบยุโรป ดังนั้นจึงถือว่ายุโรปเป็นศูนย์รวมของกีฬาเทเบิลเทนนิสอย่างแท้จริง
     ต่อมาในปี ค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) ได้มีบริษัทค้าเครื่องกีฬา จดทะเบียนเคื่องหมายการค้าว่า"PINGPONG" ด้วยเหตุนี้ กีฬาเทเบิลเทนนิสจึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น เทลเบิลเทนนิส (TABLE TENNIS) และในปี ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ได้มีการประชุมก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (INTERNATIONAL TABLETENNIS FEDERATION:ITTF) ขึ้นที่กรุงลอนดอนในเดือนธันวาคมพร้อมกับมีการจัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสแห่งโลกครั้งที่ 1 ขึ้น เป็นครั้งแรก     
     จากนั้นในปี ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) เป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้หันมาสนใจกีฬาเทเบิลเทนนิสมากขึ้น และได้มีการปรับวิธีการเล่นโดยเน้นไปที่ การตบลูกแม่นยำ และหนักหน่วง และการใช้จังหวะเด้นของปลายเท้า ต่อมาในปี ค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิส โลกเป็นครั้งแรก ที่กรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย และในปี ค.ศ.1953 (พ.ศ.2496) สาธารณรัฐประชาชนจีนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศรูมาเนีย ทำให้กีฬาเทเบิลเทนนิสกลายเป็นกีฬาระดับโลกที่แท้จริง โดยในยุคนี้ญี่ปุ่นใช้การจับไม้แบบจับปากกา และมีการพัฒนาไม้ปิงปองโดยใช้ยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำ เพิ่มเติมจากยางชนิดเม็ดเดิมที่ใช้กันทั่วโลก 
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กีฬาปิงปอง อุปกรณ์ช่วงแรก    

     ในเรื่องเทคนิคของการเล่นนั้น ยุโรปรุกด้วยความแม่นยำ และมีช่วงตีสวิงสั้นๆ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์กลางของการตีลูกแบบรุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ญี่ปุ่นสามารถชนะการเล่นของยุโรปได้ แม้ในช่วงแรกหลายประเทศจะมองว่าวิธีการเล่นของญี่ปุ่น เป็นการเล่นที่ค่อนข้างเสี่ยง แต่ญี่ปุ่นก็สามารถเอาชนะในการแข่งขันติดต่อกันได้หลายปี เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดของยุโรปเลยทีเดียว
     ในที่สุดสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ด้วยวิธีการโจมตีแบบรวดเร็ว ผสมผสานกับการป้องกัน ซึ่งจีนได้ศึกษาการเล่นของญี่ปุ่น ก่อนนำมาประยุกต์ให้เข้ากับการเล่นแบบที่จีนถนัด กระทั่งกลายเป็นวิธีการเล่นของจีนที่เราเห็นในปัจจุบัน
     หลังจากนั้นยุโรปได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากนำวิธีการเล่นของชาวอินเดียมาปรับปรุงและในปี ค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) จึงเป็นปีของการประจันหน้าระหว่างผู้เล่นชาวยุโรป และผู้เล่นชาวเอเชีย แต่นักกีฬาของญี่ปุ่นได้แก้ตัวลงแล้ว ขณะที่นักกีฬารุ่นใหม่ของยุโรปได้เริ่มเก่งขึ้น ทำให้ยุโรปสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศชายเดี่ยวของโลกไปครองได้สำเร็จ
     จากนั้นในปี ค.ศ.1971 (พ.ศ.2514) นักเทเบิลเทนนิสชาวสวีเดน ชื่อ สเตลัง เบนค์สัน เป็นผู้เปิดศักราชใหม่ให้กับชาวยุโรป โดยในปี ค.ศ.1973 (พ.ศ.2516) ทีมสวีเดนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ จึงทำให้ชาวยุโรปมีความมั่นใจในวีธีการเล่นที่ปรับปรุง ดังนั้นนักกีฬาของยุโรปและนักกีฬาของเอเชีย จึงเป็นคู่แข่งที่สำคัญ ในขณะที่นักกีฬาในกลุ่มชาติอาหรับ และลาตินอเมริกา ก็เริ่มก้าวหน้ารวดเร็วขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงความรู้ทางด้านเทคนิค ทำให้การเล่นแบบตั้งรับ ซึ่งหายไปตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) เริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง
     จากนั้นจึงได้เกิดการพัฒนาเทคนิคการเปลี่ยนหน้าไม้ในขณะเล่นลูก และมีการปรับปรุงหน้าไม้ซึ่งติดด้วยยางเทเบิลเทนนิส ที่มีความยาวของเม็ดยางมากกว่าปกติ โดยใช้ยางที่สามารถเปลี่ยนวิถีการหมุน และทิศทางของลูกเข้าได้ จึงนับได้ว่ากีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นกีฬาที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยมีการพํฒนาอุปกรณ์ และวิธีการเล่นใหม่ๆตลอดเวลา กระทั่งกีฬาเทเบิลเทนนิสได้ถูกบรรจุเป็นการแข่งขันประเภทหนึ่งในกีฬาโอลิมปิก เมื่อปี ค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
     สำหรับประวัติกีฬาเทนเบิลเทนนิสในประเทศไทยนั้น ทราบเพียงว่า คนๆทยรู้จักคุ้นเคย และเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นเวลาช้านาน แต่รู้จักกันในชื่อว่า กีฬาปิงปอง โดยไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีการนำกีฬาชนิดนี้เข้ามาเล่นในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใด และใครผู้นำเข้ามา แต่ปรากฎว่ามีการเรียนการสอนมานานกว่า 30 ปี โดยในปี พ.ศ.2500 ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสมาคมเทเบิลเทนนิสสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และมีการแข่งขันของสถาบันต่างๆ รวมทั้งมีการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยพระราชทานแห่งประเทศไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    
     
    

กติกากีฬาเทเบิลเทนนิส

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กีฬาปิงปอง อุปกรณ์ช่วงแรก


กติกากีฬาเทเบิลเทนนิส
     กติกากีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นกติกาที่กำหนดเรื่อง อุปกรณ์ของกีฬาเทเบิลเทนนิส และอื่นๆ เช่น โต๊ะกีฬาเทเบิลเทนนิส ตาข่ายกีฬาเทนเบิลเทนนิส ลูกเทเบิลเทนนิส ไม้เทเบิลเทนนิส คำจำกัดความ
การส่งลูกที่ถูกต้อง การรับลูกที่ถูกต้อง ลำดับการเล่น


โต๊ะกีฬาเทเบิลเทนิส

โต๊ะกีฬาเทเบิลเทนนิส

1.พื้นหน้าด้านบนของโต๊ะเรียกว่า "พื้นผิวโต๊ะ" (PLAYING SURFACE) จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาว 2.74 เมตร (9 ฟุต) ความกว้าง 1.525 เมตร (5 ฟุต ) และจะต้องสูงได้ระดับโดยวัดจากพื้นที่ตั้งขึ้นมาถึงพื้นที่ผิวโต๊ะ สูง 76 เซนติเมตร (2 ฟุต 6 นิ้ว) 
2.พื้นผิวโต๊ะ ไม่รวมถึงด้านข้างตามแนวตั้งที่อยู่ต่ำกว่าขอบบนสุดของโต๊ะลงมา
3.พื้นผิวโต๊ะอาจทำด้วยวัสถุๆใดๆ ก็ได้ แต่จะต้องมีความกระดอนสม่ำเสมอเมื่อเอาลูกเทเบิลเทนนิสมาตรฐานปล่อยลงในระยะสูง 30 เซนติเมตร โดยวัดจากพื้นผิวโต๊ะลูกจะกระดอนขึ้นมาประมาณ 23 เซนติเมตร
4.พื้นผิวโต๊ะจะต้องเป็นสีเข้มสม่ำเสมอและสีด้าน ไม่สะท้อนแสง ขอบด้านบนของพื้นผิวโต๊ะทั้ง 4 ด้าน จะทาด้วยสีขาว มีขนาดความกว้าง 2 เซนติเมตร เส้ยของพื้นผิวโต๊ะด้านยาว 2.74 เมตร ทั้งสองด้านเรียกว่า "เส้นข้าง" (SIDE LINE) เส้นของพื้นผิวโต๊ะด้านกว้าง 1.525 เมตร ทั้งสองด้านเรียกว่า "เส้นสกัด" (END LINE
5.พื้นผิวโต๊ะจะถูกแบ่งออกเป็นสองแดน (COOURTS) เท่าๆกัน กั้นด้วยตาข่ายซึ่งขึงตั้งฉากกับพื้นผิวโต๊ะ และขนานกับเส้นสกัดโดยตลอด
6.สำหรับปรัเภทคู่ในแต่ละแดนจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน ด้วยเส้นสีขาว มีขนาดกว้าง 3 มิลลิเมตร โดยขีดขนานกับเส้นข้าง เรียกว่า "เส้นกลาง" (CENTER LINE) และให้ถือว่าเส้นกลางนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอร์ดด้านขวาของโต๊ะด้วย
7.ในการแข่งขันระดับมาตรฐานสากล โต๊ะเทเบิลเทนนิสที่ใช่สำหรับการแข่งขันจะต้องเป็นยี่ห้อและชนิที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิส (ITTF) เท่านั้น โดยโต๊ะเทเบิลเทนนิสจะมีสีเขียวหรือสีน้ำเงิน และในการลงแข่งจะต้องระบุสีของโต๊ะที่จะใช้แข่งขันลงในระเบียบการแข่งขันด้วยทุกครั้ง

ส่วนประกอบของตาข่าย

ส่วนประกอบของตาข่าย
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตาข่ายเทเบิลเทนนิส

1.ส่วนประกอบของตาข่ายจะประกอบด้วย ตาข่าย ที่แขวนและเสาตั้ง รวมไปถึงที่จับยึดของโต๊ะเทเบิลเทนนิส
2.ตาข่ายจะต้องขึงตึงและยึดด้วยเชือกซึ่งผูกติดปลายยอดเสาซึ่งตั้งตรงสูงจากพื้นผิวโต๊ะ 15.25 เซนติเมตร (6 นิ้ว
3.ส่วนบนสุดของตาข่ายตลอดแนวยาวจะต้องสูงจากพื้นผิวโต๊ะ 15.25 เซนติเมตร
4.ส่วนล่างสุดของตาข่ายตลอดแนวยาวจะต้องอยู่ชิดกับพื้นผิวโต๊ะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และส่วนปลายสุดของตาข่ายทั้งสองด้านจะต้องอยู่ชิดกับเสาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
5.ในการแข่งขันระดับมาตรฐานสากล ตาข่ายที่ใช้สำหรับแข่งขันจะต้องเป็นยี่ห้อและชนิดที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF) เท่านั้น

ลูกเทเบิลเทนนิส

ลูกเทเบิลเทนนิส

1.ลูกเทเบิลเทนนิส จะต้องกลมและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร
2.ลูกเทเบิลเทนนิส จะต้องมีน้ำหนัก 2.7 กรัม
3.ลูกเทเบิลเทนนิส จะต้องทำด้วยเซลลูลอยด์หรือวัสดุอื่นใดที่คลายคลึงกัน มีสีขาว หรือ สีส้ม และเป็นสีด้าน
4.ลูกเทเบิลเทนนิส จะต้องเป็นยี่ห้อและชนิดที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF) เท่านั้น และจะต้องระบุสีของลูกที่ใช้แข่งขันลงในระเบียบการแข่งขันทุกครั้ง